วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พาฝัน

พาฉันฝันใฝ่ฟุ้งซ่าน
พาผ่านสีเทาเศร้าศัลย์
พาเรื่องราวลิลิธมาแบ่งปัน
ก่อนพาฝันฉันลอยเคว้งไปกับลม
ฉันคว้าไขว่เธอผลักไสให้ใฝ่เฝ้า
ฉันพะเนาแต่เธอพังพินาศล้ม
ฉันลืมตาตื่นมาน้ำตาตรม
แต่ยังอมยิ้มกับฝันที่พลันจาง

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไมเคิล คอลลินส์

เดิอนกรกฎาคมปี 1969

มนุษยชาติได้บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า "นีล อาร์มสตรอง"คือมนุษย์อวกาศคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ ก้าวเท้าลงไปเหยียบให้เป็นรอยบนดาวเคราะห์บริวารของโลกเพียงรอยเล็กๆ แต่รอยเท้าก้าวนั้นกลับเป็นก้าวที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลกมากมายในเวลาต่อมา มันกลายเป็นหนึ่งในพลังที่มีผลต่อการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เป็นผลให้มนุษย์งมงายในลัทธิชื่อวิทยาศาสตร์อย่างโงหัวในวัตถุไม่ขึ้น และกลายเป็นเหมือนก้าวที่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำโลกของสหรัฐอเมริกาอย่างกึ่งเป็นทางการ

"นีล อาร์มสตรอง"กลายเป็นวีรบุรุษของโลกตั้งแต่ตอนเขายังไม่ได้กลับมาเหยียบโลกด้วยซ้ำ ประวัติศาสตร์บันทึกต่อไปว่า"บัซ อัลดริน"คือมนุษย์อวกาศคนที่สองที่ลงไปเหยียบดวงจันทร์ รอยเท้าของเขาช่วยตอกย้ำการมาถึงจุดหมาย

หากแต่การเดินทางครั้งนั้น นักบินอวกาศมีทั้งหมดสามคน

............................

น้ำหวานโทรมาคุยเล่นด้วยเมื่อคืนนี้ นานมากแล้วที่เราไม่ได้ยินเสียงกล่าวทักทายของเธอ เสียงของน้ำหวานมีเอกลักษณ์อยู่อย่างหนึ่งตรงที่เราสามารถเห็นภาพของเธอเพียงแค่ได้ยินเสียง และแทบทุกครั้งที่น้ำหวานเอ่ยทักทาย เรามักมองเห็นรอยยิ้มของเธอ

เรื่องราวสัพเพเหระถูกผลัดกันเล่าตามประสาคนเคยสนิทที่ขาดการติดต่อไปนาน เธอเล่าถึงชีวิตหลังแต่งงานที่หวานปนขมที่เปรียบไปก็เหมือนช็อคโกแลตรสดีที่เสริมรสชาติให้กันในตัวมันเอง และอาการแพ้ท้องอ่อนๆที่กำลังเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่เธอกำลังค่อยๆก้าวสู่การเป็นคุณแม่

"จริงๆที่หวานโทรมาวันนี้ หวานอยากโทรมาขอบคุณพี่เรื่อง"บับเบิ้ล บอย" "

ฟังจบเรานิ่งคิดอยู่นาน ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่นห้อง

หวานเคยกลัวการแต่งงาน การคบหาดูใจมานานกับเพื่อนชายไม่ได้ทำให้เธอมั่นใจนักกับการต้องเอาชีวิตที่เหลือไปหารคนละครึ่งกับอีกชีวิต เธอไม่แน่ใจว่ามันจะคุ้มค่าพอกับการเสี่ยงมั้ยหากสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะพัง ตอนนั้นเมื่อราวสองปีก่อน เธอโทรข้ามจังหวัดมาหาและขอคำปรึกษา เราตอบเธอสั้นๆว่าให้หาหนังเรื่อง"บับเบิ้ล บอย"ดู หลายครั้งที่เราเจอเรื่องให้กังวลใจหรือไม่แน่ใจทำนองนี้ การดูหนังที่ดูเหมือนเป็นหนังโปกฮาปัญญาอ่อนเรื่องนี้มักจะช่วยชีวิตไว้ได้เสมอ

น้ำหวานหายไปหลังจากได้รับคำแนะนำ ไม่นานนักก็มีข่าวดีว่าเธอเข้าประตูวิวาห์ เราได้แต่โทรไปอวยพรและยังไม่ได้ไต่ถามรายละเอียดมากนักเพราะทั้งเราและเธอต่างก็กำลังยุ่งทั้งคู่ จำได้คร่าวๆแต่ว่าในน้ำเสียงที่กล่าวขอบคุณเราวันนั้น เราเห็นภาพเธอยิ้มให้กำลังเราเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันสวยงามเป็นพิเศษ

คุยกันต่ออีกไม่นานนักเธอก็ขอตัววางหูไป อารามรู้สึกคิดถึง เราหยิบดีวีดีเรื่อง"บับเบิ้ล บอย"ออกมายัดใส่โน๊ตบุคนอนดูเงียบๆ ไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วในวันที่เราแนะนำให้น้ำหวานนั่งดูหนังเรื่องนี้เธอจะได้แมสเสจนี้เหมือนกับที่เราต้องการจะสื่อให้เธอมั้ย

ในขณะที่"บับเบิ้ล บอย"เดินทางฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการข้ามอเมริกาเพื่อมาบอกความรู้สึกที่แท้จริงกับผู้หญิงที่ตนรัก ตอนท้ายเขากำลังจะถูกพากลับบ้าน นั่นเท่ากับความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า พ่อของเขาได้เอ่ยประโยคหนึ่งในหนังว่า

"Kind of makes you wonder... What would have happened if Neil Armstrong had gone all the way to the moon and then never stepped on the surface?"

ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว เขาตัดสินใจฮึดสู้แบบแลกชีวิต เพียงเพื่อเอ่ยคำที่ไม่เคยบอกกับผู้หญิงคนนั้น

.................................................

ไม่แน่ใจว่าเรื่องของ"นีล อาร์มสตรอง"เหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรกเป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดอย่างที่หลายคนตั้งข้อสังเกต หรือเป็นเรื่องจริง แต่ทุกวันนี้โลกก็บันทึกว่าคือหมอนี่ไปแล้ว

ไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจแต่งงานของน้ำหวานเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ แต่วันนี้เธอก็กำลังจะเป็นคุณแม่ และนี่ย่อมเป็นสิ่งสวยงามที่สุด

พวกเขาทำสำเร็จ

พวกเขาไปถึงดวงจันทร์

หันมามองดูตัวเอง เราพึ่งเอ่ยปากบอกเธอคนหนึ่งให้เลิกติดต่อกับเรา สาเหตุเพราะเรากลัวจะตกหลุมรักเธอ เหตุการณ์เก่าทำให้เราเกลียดกลัวเกินจะรักใครจริงจังอีกครั้ง วันนี้ดู"บับเบิ้ล บอย"ต่างกับทุกครั้ง เราไม่กล้าตัดสินใจลงไปเหยียบดวงจันทร์ แม้มันจะอยู่ตรงหน้ารอเราแล้วก็ตาม

................................................


เดิอนกรกฎาคมปี 1969

มนุษยชาติได้บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า "นีล อาร์มสตรอง"คือมนุษย์อวกาศคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ คนที่สองของบันทึกปรากฏชื่อ"บัซ อัลดริน"

"ไมเคิล คอลลินส์" นักบินอวกาศคนที่สามได้แต่นั่งมองเพื่อนสองคนไปถึงดวงจันทร์

เขาต้องทำหน้าที่ควบคุมยาน"อพอลโล่11" นั่นเป็นสาเหตุให้เขาเป็นคนเดียวในยานลำนั้นที่ลงไปเหยียบถึงดวงจันทร์ไม่ได้

.. แม้มันจะอยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม



ขอดื่มแก้วนี้ให้แด่"ไมเคิล คอลลินส์"

เราคงมองพระจันทร์แล้วรู้สึกไม่ต่างกัน

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทิศ

หน้าง่วงๆเดินทางไปบ้านพระอาทิตย์

เมื่อคืนพี่โจ้โทรมาบอกว่านัดคิวให้ไปสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันให้เราได้แล้วคือพรุ่งนี้ตอนสี่โมงเย็น ตอนแกวางหูไปเราเอาโทรศัพท์มาดูนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า จำเป็นต้องโทรไปลางานพี่ป้อ ณ เวลานั้น

โดนด่าหูแฉะตามคาด มันเป็นเรื่องแน่นอน การโทรมาลางานตอนเกือบตีหนึ่งมันเป็นเรื่องแน่นอนเหมือนเอาแฟนคลับดงบังชินกิชาวไทยไปนั่งกินข้าวกับฮิโระสองต่อสอง แฟนคลับคงปลื้มจนน้ำตาแฉะ แฉะไม่ต่างกะหูเรา

ให้สัมภาษณ์ไปมึนๆ การมาสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะนอกจากที่บ้านพระอาทิตย์จะเป็นสำนักงานของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ข้ามไปอีกฟากถนนก็จะเป็นสถานีASTVที่มีชื่อเรียกว่าบ้านเจ้าพระยา นั่นหมายความว่าเราสามารถขอเข้าไปสัมภาษณ์ทางรายการบันเทิงทางทีวีได้อีก รายการที่เข้าไปสัมภาษณ์เป็นรายการบันเทิงที่มีพิธีกรเป็นนักข่าวการเมือง ดังนั้นคำถามที่คุยกันจึงค่อนข้างกว้างกว่าเรื่องงานทั่วไป การได้แสดงแนวคิดทางสังคมผ่านรายการบันเทิงมันเป็นเรื่องที่เราอยากให้สื่อเปิดรับ เพราะบางทีสมองของดารานักร้องก็ไม่ได้มีแต่ข่าวซุบซิบเพียงเท่านั้น

สัมภาษณ์เพลินจนลืมไปว่านัดอัดเพลงกับเจดไว้ เอาโทรศัพท์มาดูก็พบมิสคอลล์กว่าสิบสาย

อยู่ๆชีวิตก็เจอกับปัญหา วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจดจะอยู่ไทยก่อนที่เธอจะกลับอังกฤษตอนเช้ามืด นั่นแปลว่าถ้าไม่อัดเพลงกับเจดวันนี้ จะกลายเป็นการผิดสัญญาคำโต เรารีบโทรกลับเธอแล้วคอนเฟิร์มเวลานัดตอนทุ่มหนึ่ง คอนเฟิร์มโดยลืมคิดไปว่าเรากำลังอยู่ที่ถนนพระอาทิตย์ เอาโทรศัพท์มาดูนาฬิกาเป็นเวลาห้าโมงกว่า ในชั่วโมงที่รถติดขนาดนี้ การจะไปให้ถึงทองหล่อจากย่านราชดำเนินในเวลาหนึ่งชั่วโมง โอกาสแทบไม่มี

คุณแหม่มทีมงานคนหนึ่งบอกเราว่า ชีวิตมีทางออกเสมอ เธอบอกให้เราเดินไปขึ้นเรือตรงท่าพระอาทิตย์ นั่งเรือไปอีกเจ็ดแปดท่าก็จะถึงสะพานตากสิน นับจากตรงนั้นเราสามารถต่อรถไฟฟ้าไปทองหล่อได้อย่างง่ายดาย การถึงจุดหมายภายในหนึ่งชั่วโมงจึงไม่ใช่เรื่องฝันไป เราลิงโลดกระหยิ่มยิ้มย่อง ในใจคิดว่านอกจากจะเร็วแล้วยังเป็นโอกาสดีที่จะได้นั่งเรือชมเจ้าพระยา เย็นๆแบบนี้คงสวยเป็นพิเศษ

พระอาทิตย์ตกน้ำ ที่ไหนจะสวยเท่าที่เจ้าพระยา

ยืนรอเรือไม่ถึงห้านาทีเรือก็แล่นมารับอย่างรู้ใจ อยากสรรเสริญกรมราชนาวีที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนยามเร่งรีบ ทิวทัศน์สองข้างทางยิ่งทำให้อภิรมณ์นัก แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องตกกระทบบ้านเรือนสมัยกลางรัตนโกสินทร์หลายๆหลัง ดูคลาสสิคอะไรขนาดนี้ เด็กชาวบ้านที่มีบ้านติดน้ำก็พากันกระโดดตีลังกาลงน้ำอย่างสนุกสนานชวนให้คิดถึงบทเรียนภาษาไทยสมัยก่อนที่ว่าชีวิตคนไทยล้วนผูกพันกะแม่น้ำ ดูนั่นสิวัดริมน้ำสวยอย่างบอกไม่ถูก ดูนั่นสิเรือพ่วงขนหินลำยักษ์ช่างดูยิ่งใหญ่ ดูนั่นสิป้ายเขตชลประทานนนทบุรี นั่นบ่งบอกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำที่ไหลยาวหล่อเลี้ยงผู้คนมากมาย

"เขตชลประทานนนทบุรี!! ทำไมการไปสะพานตากสินมันต้องผ่านนนทบุรีด้วยวะ" เรารำพึงในใจ

อดทนนั่งเรือต่อไป ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ถึงสะพานตากสิน การชลประทานอาจติดป้ายผิด กรุงเทพฯ นนทบุรีใกล้ๆกัน ใช้ป้ายร่วมกันได้ ไม่ถือ

ชั่วอึดใจ เสียงเด็กเรือตะโกนบอก "ท่าน้ำโนนนนน" นั่นหมายถึงการชลประทานติดป้ายไม่ผิด

"ท่าน้ำนน มันกลางเมืองนนทบุรี ทำไมการไปสะพานตากสินมันต้องผ่านกลางเมืองนนทบุรีด้วยวะ ไอ้เหี้ย!"

เราจำเป็นต้องอุทานในใจเป็นคำหลัง เพราะเด็กเรือตะโกนต่อไปว่า "สุดสายยยยยยยยยย"

"ลุงครับ แล้วสะพานตากสินล่ะครับ อยู่ไหน"

"อ๋อ คุณนั่งเรือมาผิดทิศ ต้องไปทิศตรงกันข้าม"

"แล้วต้องนั่งกลับไปไกลมั้ยครับ"

"สะพานตากสินก็อยู่สุดสายของอีกฟากล่ะครับ"

......................................................................

พระอาทิตย์ตกเจ้าพระยาไปนานแล้ว วันนี้ดูไม่ค่อยสวยยังไงไม่รู้

บ้านเรือน วัดวาอารามตอนกลางคืนดูมืดๆ เด็กเล่นน้ำเมื่อกี้ป่านนี้คงปะแป้งกินข้าวปลาไปอิ่มหมี

เรานั่งหิวข้าวอยู่บนเรือ ไม่อยากชื่นชมกะทิวทัศน์ใดๆ ได้แต่โทรบอกเจดเสียงเศร้าๆว่าคงไปถึงราวสามทุ่ม


คิดถึงคำพูดของคุณแหม่มที่บอกว่า"ชีวิตมีทางออกเสมอ"

เราลืมคิดไปว่าหลังจากก้าวผ่านธรณีประตูที่เรียกว่าทางออกนั้น ยังต้องเจอกับคำว่าซ้ายและขวา


..ทางออกไม่ได้แปลว่า เมื่อก้าวเข้าไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเลือกทิศ