วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่ตามองไม่เห็น

นัดประชุมเรื่องงานแถลงข่าวกับพี่โจ้และ Moindy ไว้ตอนบ่ายสอง

เรากำลังจะทำเริ่มทำประชาสัมพันธ์แคมเปญการกุศลเพื่อทหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเปิดดาวน์โหลดเพลง"ราตรีสวัสดิ์"ของเราเพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง เป็นโหลดพิเศษที่รายได้หลังหักให้โอเปอเรเตอร์แล้วจะมอบให้กับ"กองทุน ร.ต.อ ธรณิศ ศรีสุข"หรือกองทุนของผู้กองแคน

คุณยุ้ยแห่ง Moindy เล่าว่าที่เลือกกองทุนนี้เพราะเป็นกองทุนเดียวที่สนับสนุนเงินแก่ครอบครัวของข้าราชการตำรวจตระเวณชายแดนที่เสียชีวิต สนับสนุนทั้งความเป็นอยู่และกองทุนการศึกษาของบุตรธิดา รวมไปจนถึงจัดซิ้อวัสดุ อุปกรณ์ให้กับทหารชายแดนภาคใต้ เราสงสัยว่าอุปกรณ์จำพวกไหน คุณยุ้ยตอบตัวอย่างว่าพวกเสื้อเกราะของทหาร ของเหล่านี้เป็นของที่เหมือนจะไม่มีอยู่จริง เพราะงบประมาณของกองทัพมีไม่มาก การลาดตระเวณแต่ละครั้งหากต้องใช้ชุดเกราะจะต้องมีการขออนุญาต แถมบางครั้งก็มีไม่พอ เรากำลังฟังแล้วรู้สึกสะท้อนใจ พี่โจ้ก็เย้าขึ้นมาว่า ชุดเกราะคงเอาไม่อยู่ เพราะที่เจอน่ะมันระเบิด

..ฟังแล้วเราสะท้อนใจหนักกว่าเก่า

กลืนก้อนสะอื้นไว้ ก่อนจะเริ่มนั่งคิดงานกับทีม Moindy เราเล่าเรื่องให้พี่โจ้ฟังด้วยความรู้สึกอิ่มใจว่ามีทีมโปรดัคชั่นสามถึงสี่ทีมโทรหาเราในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ แจ้งความจำนงว่าอยากทำมิวสิควีดีโอให้กับเพลงนี้โดยไม่คิดมูลค่า พี่อุ้ยก็สวนมาว่าถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องหนักใจเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพราะพอพี่อุ้ยหาบริษัททำเรื่องนี้พร้อมเล่าเรื่องให้เขาฟัง ก็มีบริษัททำพีอาร์แห่งหนึ่งยินดีทำพีอาร์ให้โดยไม่คิดมูลค่า เนื่องด้วยเพราะอยากทำการกุศลให้ทหารร่วมกัน

..ฟังแล้วเราอิ่มใจมากกว่าเก่า

ตั้งแต่เราเริ่มทำเพลงนี้ เรารู้สึกเหมือนมีสิ่งที่ตามองไม่เห็นคอยช่วยเหลือให้อุปสรรคลุล่วงมาโดยตลอด ตั้งแต่พี่บอยด์ที่ให้เราใช้ห้องอัดดนตรีฟรี คุณแตมและพี่โอ๋ที่ยอมมาช่วยงานแม้ได้ค่าแรงน้อยนิด พี่วู้ดดี้กะคุณแฟงที่ให้เราอัด มิกซ์และมาสเตอริ่งเสียงระดับคุณภาพโดยแทบไม่ได้อะไรเลย สื่อวิทยุที่ช่วยโปรโมทอย่างมาก และน้ำใจชาวเว็บพันทิปที่ให้เพลงเราขึ้นกระทู้แนะนำสองสัปดาห์ซ้อนจนเริ่มเป็นที่รู้จักในอินเตอร์เน็ต นอกจากนั้นยังมีแรงใจ แรงงานของพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่ทำงานให้กับเพลงนี้อย่างหนักโดยไม่ปริปากบ่นใดๆซักคำ ทั้งหมดนั้นเกิดจากการความรู้สึกตอนฟังเพลงนี้แล้วระลึกถึงวีรบุรุษของชาติเพียงเท่านั้น

นั่งสรุปงานกันจนเสร็จทีมMoindyก็ลากลับไป เรานั่งประชุมแผนงานกับพี่โจ้ต่อเรื่องบริษัทและเพลงอีกแป้บก่อนจะแยกย้าย

บนแท๊กซี่เรานั่งมองฟ้าเมืองกรุง มีเมฆฝนครึ้มค่อยๆลอยมา วันนี้ฝนคงตก พักนี้มันตกบ่อยจนหลายคนคงชิน แต่สำหรับเรามันก็ยังไม่ใช่วันแจ่มใสที่จะรู้สึกเป็นสุขอยู่เสมอ ซักวันฟ้าเมืองไทยคงมีวันที่ยิ้มด้วยแดดแห่งสันติภาพได้เต็มปาก

ข้างบนฟ้านั้นเองคงจะยังมีบางคนกำลังภาวนาให้น่านฟ้าประเทศนี้สวยงามเช่นเดียวกับเรา

คนที่เคยเป็นวีรบุรุษของชาติที่ตอนนี้ เรามองไม่เห็น

บางทีสิ่งที่เรามองไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี

อย่างน้อยตอนนี้ เราได้ซาบซึ้งถึงสิ่งที่ตามองไม่เห็นหนึ่งอย่าง

"น้ำใจคนไทย" กำลังระเหยเป็นไอ



ขอให้วีรบุรุษบนฟ้า ที่ตาเรามองไม่เห็นได้โปรดรับรู้และสัมผัส

เรากำลังจะส่งมันไปให้โลกได้เห็น

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สัตว์ร้ายในตัวฉัน

พี่ป้อบอกเราว่ามีหนังเรื่องหนึ่งอยากให้ดูตั้งแต่เหยียบเข้าธรณีประตูบริษัท นอกจากจะเป็นนัยยะบอกว่าวันนี้พี่ป้ออารมณ์ดีแล้ว นั่นแปลว่าวันนี้เราจะมีหนังในดวงใจเพิ่มมาอีกเรื่อง

หนังที่พี่ป้อแนะนำให้เราดูมักจะเปลี่ยนชีวิตเราเสมอ เรารู้จักกับ"จางอี้โหมว"และเริ่มต้นหางานทำจริงๆจังๆเพราะหนังเรื่อง"Hero" เริ่มต้นมองโลกในแง่มุมที่กว้างขึ้นและติดดูหนังอิหร่านเพราะ"Children of Heaven" มองคำว่าวีรบุรุษและเรียนรู้มันจากหนังเรื่อง"Insider" และจดจำเสมอว่าความงดงามสามารถอยู่ได้แม้แต่ในมุมที่อับที่สุดจาก"Shawshank Redemption"

ทุกครั้งที่เราดูหนังของพี่ป้อจบ เราจะนิ่งไปพักใหญ่ และขบคิดสิ่งที่ได้จากหนังได้เป็นวันๆเสมอ

...............................................................

วันนี้พี่ป้อนำเสนอ"Taken" หนังทุนสร้างฝรั่งเศส และเป็นหนังฝรั่งเศสของ"Luc Besson" ที่เรารู้สึกว่ามันสนุกที่สุดในโลก

ตลอดชั่วโมงกว่า เราหยุดดูมันแทบไม่ได้ ทำไม่ได้แม้แต่จะกดพอสเพื่อรับโทรศัพท์ พี่ป้อถึงกับต้องโทรไปคุยงานกับพี่เต๊ดแทนการขึ้นไปพบของเรา

เรื่องของนักจารกรรมหนุ่มมือพระกาฬวัยเกษียณที่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนถูกแกงค์อัลเบเนี่ยนลักพาตัว เขามีเวลา 96 ชั่วโมงก่อนเธอจะถูกขายไปค้าประเวณีและสาบสูญไปจากโลกแห่งความดีงามตลอดกาล

พล็อตสุดแสนธรรมดา แต่ที่มันจับใจคือเราดันสมมุติตัวเองว่าถ้าคนที่เรารักถูกกระทำการเยี่ยงนั้นบ้าง เราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด หากคนที่เรารักถูกลักพาตัว ทำร้าย หรือถูกข่มขืน มโนภาพเราคิดแต่ว่าพวกมันต้องตายอย่างทรมานที่สุด เราเริ่มดูหนังเรื่องนี้ด้วยความเกรี้ยวกราด ทุกครั้งที่พระเอกฆ่าใครตายเราตะโกนอย่างลืมตัวว่า"ตัดหูมันสิวะ" "ตัดนิ้วมันก่อนๆ" "ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามันให้ตาย" และสบถคำหยาบตลอดเรื่องอย่างลืมตัว

หนังจบ เราค่อยๆอารมณ์เย็น ความโกรธจัดเมื่อกี้กลายเป็นเรื่องสมมุติ มันทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้เรากำลังมีสัตว์ร้ายบางอย่างสิงอยู่ อาการนี้มันเริ่มเป็นตั้งแต่ควีนทิ้งเราไป การหมกมุ่นคิดอยู่แต่เรื่องความเจ็บปวดทำให้เราลืมตัวจนพังของในห้องบ่อยๆ และอีกหลายครั้งที่มีเรื่องมีราวไม่เว้นแม้แต่กับเพื่อนสนิท

มันน่ากลัวที่ภาพระหว่างตอนเราดูหนัง คนที่เราอยากให้มันตายไม่ใช่มีแต่ผู้ร้ายในเรื่อง แต่มันกลายเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่แย่งคนที่เรารักไปจากเรา

แน่นอนว่าคำสบถทั้งหลายที่เราตะโกนออกมา มันมาจากหัวใจ และคือความรู้สึกที่เราอยากทำกับมัน

................................................

ทุกคนมีสัตว์ร้ายในตัว ความโลภ โกรธ หลง เห็นแก่ตัวที่แปลงร่างเป็นตัวตนและเข้าสิงสู่มนุษย์ให้ทำสิ่งที่เกินมโนธรรมของความเป็นคน

ขึ้นอยู่กับว่ากรงขังสัตว์ของใครจะพังก่อนกัน



หลังดูหนังจบ เรานิ่งไปพักใหญ่เหมือนทุกครั้ง ขบคิดสิ่งที่ได้จากหนังมาได้ข้อหนึ่ง

วันนี้กลอนที่เคยปิดกรงแน่นหนา กำลังถูกสัตว์ร้ายตัวนั้นมันพังแล้ว แปลกดีที่เราไม่คิดซ่อม

หนังทำให้เราคิดว่า บางทีการใช้สัตว์ตัวนั้น อาจถึงเวลาแล้ว